การตั้งชื่อและสูตรคำนวน Excel

ตั้งชื่อใหม่ให้เซลหรือกลุ่มเซล
ตั้งชื่ออัตโนมัติจากหัวคอลัมน์หรือหัวแถ
อธิบาย
ชื่อ
กลุ่มเซล
กุมภาพันธุ์
เซลC3 - C12
มีนาคม
เซล D3 - D12

วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายและรวดเร็วที่สุดในการตั้งชื่อเซลหรือกลุ่มเซลเพียง กลุ่มเดียว เพราะคุณสามารถจะพิมพ์ชื่อเข้าไปในช่อง name box (กล่องชื่อ) ได้ทันที ( วิธีนี้ใช้ตั้งชื่อเซลได้อย่างเดียว แต่จะลบหรือเปลี่ยนชื่อไม่ได้ )
1. เลือกเซลหรือกลุมเซลที่ต้องการตั้งชื่อเป็นชื่อเดียวกัน
2. คลิกที่ช่อง name box (กล่องชื่อ) พิมพ์ชื่อหรือกลุ่มเซล
3. เสร็จแล้วกด Enter
ประโยชน์ของชื่อเซลที่ตั้งเอง



1. เลือกกลุ่มเซลที่ต้องการนำมาคำนวรค่า
2. คลิกขวาบนแถบ Status ( สถานะ ) แล้วเลือกผลลัพธ์ที่ต้องการจากเมนูลัดซึ่งจะประกอบด้วย
None (ไม่มี) ไม่ต้องคำนวณหาผลลัพธ์ใดๆเลย
Average (ค่าเฉลี่ย) หาค่าเแลี่ยของตัวเลข
Count (จำนวนนับ) นับจำนวนเวลทั้งหมดที่คุณเลือกไว้
Count Nums (นับเฉพาะสิ่งที่เป้นตัวเลข) นับจำนวนเซลที่เป็นตัวเลข
Max (ค่ามากที่สุด) หาค่าสูงสุดจากทุกๆเซลที่เลือก
Min (ค่าน้อยที่สุด) หาค่าต่ำสุดจากทุกๆเซลที่เลือก
Sum (ผลรวม) หาผลรวมของตัวเลข

ตัวดำเนินการทางคณิตศาสตร์

Opertor
ความหมาย

ตัวอย่างการใช ้
+
บวก
4+7
-
ลบ
15-3 หรือ -6
*
คูณ
8*3.5
/
หาร
9/4

%
เปอร์เซ็นต์
3%(มีค่าเท่ากับ 0.03)
^
ยกกำลัง
2^3(หมายถึง 2 ยกกำลัง3)

ตัวดำเนินการเปรียบเทียบ

Operator
ความหมาย
ตัวอย่างการใช ้
=
เท่ากับ
A1= B1
>

มากกว่า
A1> B1
<
น้อยกว่า
A1<>
>=
มากกว่าหรือเท่ากับ
A1>= B1
<=
น้อยกว่าหรือเท่ากับ
A1<= B1
<>
ไม่เท่ากับ
A1<> B1

ตัวดำเนินการกับข้อความ ( Text Operator )

ข้อความในที่นี้อาจเป็นตัวอักษร เพียงตัวเดียว ข้อความทั้งประโยค หรือข้อความที่ไม่มีตัวอักษรอะไรเลยก็ได้ (null string ) ซึ่งเวลาเขียนจะใช้เครื่องหมายคำพูดปิดและเปิดติดกันดังนี้ " "

Operator
ความหมาย
ตัวอย่างการใช ้
&
นำข้อความตั้งแต่ 2 ข้อความข้อความขึ้นไปมาต่อเป็นข้อความเดียวกัน
"บริษัท"& "อาหารไทย" หรือ A1&B1& C1

ระดับความสำคัญ

Opertor แต่ละตัวมีระดับความสำคัญไม่เท่ากัน เช่น เราใส่สูตร =2+3*5 โดยเราต้องการใหโปรแกรมนำ 2+5 (ได้5) แล้วนำไปคูณกับ 5 จะได้เป็น 25 แต่เครื่องหมายคูณ* มีระดับความสำคัญสูงกว่าบวก + โปรแกมจึงนำ3*5 ก่อน(ได้15) แล้วจึงบวกกับ 2 ได้เป็น 17 วิธีที่จะบังคับให้ Excel คิดเหมือนที่เรา ก็คือใส่ ( ) คร่อมส่วนที่ต้องการคำนวณก่อนเป็น =(2+3)*5 เท่านี้ก็ได้คำตอบที่ถูกต้องแน่นอน


ตารางต่อไปนี้จะแสดงระดบความสำคัญของ Opertor ต่างๆจากมากไปน้อย โดย Opertor ที่มีระดับความสำคัญสูงจะถูกคำนวณก่อน และถ้ามี opertor ที่มีระดับความสำคัญเดียวกันในสูตร Excel จะคำนวณจากซ้ายไปขวาทีละตัว

ระดับ
Opertor
หมายเหตุ
1
-

คือเครื่องหมายที่แสดงค่าลบของตัวเลข เช่น 2
2
%

เปอร์เซ็นต์
3
^
ยกกำลัง
4
* และ /
คูณ และหาร
5
+ และ -
บาก และลบ
6
&
นำข้อความตั้งแต่2ข้อความขึ้นไปมาต่อกันเป็ฯข้อความเดียว
7
= < > <= => <>
ตัวดำเนินการเปรียบเทียบ


พิมพ์สูตรคำนวณด้วยตัวเอง
วิธีที่ง่ายที่สุดในการสร้างสูตรก็คือพิมพ์ทุกอย่างลงไปเอง ไม่ว่าจะเป็นชื่อเซล ตัวเลข หรือเครื่องหมายคำนวณต่างๆ
1. คลิกเลือกเซลที่จะใส่สูตรคำนวณ
2. พิมพ์เครื่องหมาย =
3. พิมพ์สูตรโดยใช้ชื่อเซล หรือตำแหน่งเซล
4. กด Enter ก็ขะได้ผลลัพธ์




ฟังก์ชั่นถ้าเราจะกล่าวถึงก็เหมือนกับว่าเป็น Operand ตัวหนึ่ง โดยในสูตรอาจประกอบไปด้วยฟังก์ชั่นอย่างเดียว เช่น AVERAGE( A2:A5:B12 )ซึ่งเป็นการหาค่าเฉลี่ยของตัวเลขในเซล 3 เซลในวงเล็บ หรืออาจมีฟังก์ชั่นปนกับข้อมูลอื่น เช่น =B4/SUM( D5:F5) คือให้นำผลรวมของเซล D5 ถึง F5 ไปหารค่าในเซล B4 สำหรับอาร์กิวเมนต์ที่เป็นชื่อเซล จะพิมพ์ลงไปเองหรือคลิกเมาส์เลือกก็ได้

ใช้ปุ่ม Insert Function หรือแถบสูตรคำนวณ ช่วยใส่ฟังก์ชั่น

1. คลิกเซลที่ใส่ฟังก์ชั่น
2. คลิกปุ่ม Insert Function ( แทรกฟังก์ชั่น )หรือกด Shift+ F3
3. คลิกเลือกประเภทของฟังก์ชั่นจากเมนูของช่อง Or select a category ( หรือเลือกประเภท ) เช่น AVERAGE
4. คลิก ตกลง


6. คลิกปุ่ม Collapse
7. ใช้เมาส์คลิกที่เป็นอาร์กิวเมนต์หรือที่จะนำมาคำนวณ คลิกปุ่ม Collapse
8. กด ตกลงเพื่อจบสูตร


เลือกฟังก์ชั่นจากปุ่ม AotoSum ( ผลรวมอัตโนมัติ )
สำหรับฟังก์ชั่นต่างๆทำหน้าที่ต่างๆดังต่อไปนี้
Sum (ผลรวม) หาผลรวมของตัวเลข
Average (ค่าเฉลี่ย) หาค่าเฉลี่ยเลขคณิต
Count (จำนวน) นับจำนวนเซลทั้งหมดที่คุณเลือกไว้
Max (ค่ามากที่สุด) หาค่าสูงสุดจากทุกๆเซลที่เลือก
Min (ค่าน้อยที่สุด) หาค่าต่ำสุดของตัวเลข
More Functions (ฟังก์ชั่นเพิ่มเติม) ไปเลือกฟังก์ชั่นอื่นๆ